ความสำคัญของการกำหนดขนาดเว็บไซต์ในปัจจุบัน (ขนาดเว็บไซต์มาตราฐาน)

🌐 ความสำคัญของการกำหนดขนาดเว็บไซต์ในปัจจุบัน คืออะไร?

การกำหนด ขนาดเว็บไซต์ (Website Size/Layout) ให้เหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเว็บไซต์ เพราะในโลกยุคดิจิทัล ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านหลากหลายอุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก และคอมพิวเตอร์ ดังนั้น การออกแบบเว็บไซต์ให้ รองรับทุกหน้าจอ (Responsive Design) จึงกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ

ความสำคัญของการกำหนดขนาดเว็บไซต์ในปัจจุบัน มี 2 ขนาด คือ

1. ขนาดเว็บไซต์แบบ 800 X 600 pixels เป็นขนาดที่สามารถใช้ได้กับหน้าจอทุกขนาดในปัจจุบันเป็นขนาดของการออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้ในอดีต เนื่องจากอดีตขนาดของจอคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็ก
2. ขนาดเว็บไซต์แบบ 1024 X 768 pixels เป็นขนาดที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากผู้ใช้นิยมใช้จอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ขึ้นเนื่องมาจากราคาจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกลง

รูปแบบการออกแบบเว็บไซต์

เว็บไซต์ในปัจจุบันจะมีการออกแบบที่แตกต่างกันไม่มากนัก ซึ่งการออกแบบหน้าตาเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะมองดูองค์ประกอบขององค์กร หน่วยงาน หรือเนื้อหาเรื่องที่นำเสนอเป็นหลัก ซึ่งการออกแบบหน้าตของเว็บไซต์มีอยู่ 3 แบบ คือ

1. การออกแบบเว็บไซต์ที่เน้นการนำเสนอเนื้อหา

• เป็นการออกแบบเว็บไซต์ที่เน้นการนำเสนอเนื้อหามากกว่ารูปภาพ โดยโครงสร้างใช้รูปแบบตารางเป็นหลัก มีการออกแบบหน้าตารูปแบบง่าย  เช่น มีเมนูสารบัญ และเนื้อหา

2. การออกแบบเว็บไซต์ที่เน้นภาพกราฟิก

• เป็นการออกแบบเว็บไซต์ที่เน้นภาพกราฟิกที่สวยงาม ซึ่งอาจจะใช้โปรแกรม Photoshop สำหรับการตกแต่งภาพ ข้อดี สวยงาม น่าสนใจ ข้อเสีย อาจจะใช้เวลาในการโหลดเว็บนาน

3.การออกแบบเว็บไซต์ที่มีทั้งภาพและเนื้อหา

• เป็นการออกแบบเว็บที่นิยมในปัจจุบันซึ่งประกอบด้วยข้อความ รูปภาพ โดยมีการจัดองค์ประกอบต่างๆ เพื่อให้เว็บน่าสนใจ

ความสำคัญของการกำหนดขนาดเว็บไซต์ในปัจจุบัน

การกำหนดขนาดเว็บไซต์ (Website Dimensions) เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป แล็ปท็อป แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน การกำหนดขนาดเว็บไซต์ที่เหมาะสมช่วยให้เว็บไซต์แสดงผลได้ดีบนทุกหน้าจอ และให้ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้ใช้ (User Experience - UX)

✅ เหตุผลที่การกำหนดขนาดเว็บไซต์มีความสำคัญ

1. การตอบสนองต่ออุปกรณ์ที่หลากหลาย (Responsive Design)

• ขนาดหน้าจอของอุปกรณ์มีความหลากหลาย เว็บไซต์ที่มีการออกแบบแบบ Responsive จะสามารถปรับขนาดและการจัดวางเนื้อหาให้เหมาะสมกับทุกหน้าจอได้โดยอัตโนมัติ

2. ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีขึ้น (Enhanced User Experience)

• เว็บไซต์ที่แสดงผลได้ดี ช่วยให้ผู้ใช้งานอ่านข้อมูลได้ง่าย และทำให้เว็บไซต์ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น

3. SEO และการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา (SEO Optimization)

• Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนมือถือ (Mobile-Friendly) ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับ

4. ลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate)

• หากเว็บไซต์แสดงผลไม่ดี ผู้ใช้มักจะออกจากเว็บไซต์ทันที การออกแบบที่เหมาะสมช่วยลด Bounce Rate และเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้า

5. การเพิ่ม Conversion และรายได้

• เว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ช่วยกระตุ้นการซื้อสินค้า การลงทะเบียน หรือการทำธุรกรรมอื่น ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้

📐 ขนาดเว็บไซต์มาตรฐานในปัจจุบัน

แม้ว่าขนาดของเว็บไซต์จะต้องปรับตามอุปกรณ์ที่ใช้งาน แต่มีขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้เป็นแนวทาง ดังนี้:

1. ขนาดสำหรับเดสก์ท็อป (Desktop)

• ความกว้างที่แนะนำ: 1440px - 1920px
• Layout ที่นิยม: 12 Column Grid หรือ 16 Column Grid

2. ขนาดสำหรับแท็บเล็ต (Tablet)

• ความกว้างที่แนะนำ: 768px - 1024px
• Layout ที่นิยม: 8 Column Grid

3. ขนาดสำหรับมือถือ (Mobile)

• ความกว้างที่แนะนำ: 360px - 430px
• Layout ที่นิยม: 4 Column Grid หรือ Layout แบบ Single Column

📊 แนวทางการออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive

• ใช้หน่วยที่ยืดหยุ่น (Flexible Units) เช่น %, vw และ vh แทนที่จะใช้หน่วยคงที่อย่าง px
• Media Queries ช่วยกำหนดการแสดงผลที่แตกต่างตามขนาดหน้าจอ
• Mobile-First Design เริ่มต้นออกแบบเว็บไซต์สำหรับมือถือก่อน แล้วขยายไปยังแท็บเล็ตและเดสก์ท็อป
• ทดสอบบนอุปกรณ์จริง เพื่อให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ใช้งานได้ดีบนทุกอุปกรณ์

✨ สรุป

การกำหนดขนาดเว็บไซต์ที่เหมาะสมช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีและช่วยให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านการใช้งานและการทำตลาดออนไลน์ การออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน